รถยนต์แบบ Hybrid ยังฮิตอยู่ไหม? หากมีปัญหาจะเลือกอู่ซ่อมรถไฮบริด อย่างไร

อู่ซ่อมรถไฮบริด

ทำไม อู่ซ่อมรถไฮบริด ยังคงแนะนำให้คุณเลือกใช้รถยนต์ Hybrid ในปัจจุบัน

แม้ว่าในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านเราจะได้ตื่นตาตื่นใจกับรถยนต์ไฟฟ้าที่ถูกพัฒนาประสิทธิภาพการขับขี่ให้ดีขึ้น และมีการเพิ่มจำนวนการผลิตที่มากขึ้น เพื่อให้เพียงพอกับความนิยมสนใจของคนไทย อีกทั้งก็ยังมีบริษัทชั้นนำที่ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากหลายประเทศเข้ามาลงทุนให้ไทยเป็นฐานการผลิตอีกแห่งหนึ่ง ทำให้รถยนต์ไฟฟ้ากลายเป็นเทรนด์สำคัญที่น่าจับตามองในยุคนี้ 

ด้วยปัจจัยดังกล่าวนี้อาจส่งผลให้อาจรถยนต์ Hybrid กลายเป็นตัวเลือกที่อาจรับความสนใจน้อยลงไป… และหากได้หาข้อมูลทางออนไลน์เกี่ยวกับปัญหาของรถยนต์ไฮบริด ที่มักจะมีปัญหาจนต้องพารถยนต์คู่ใจไปพบ อู่ซ่อมรถไฮบริด บ่อย ๆ คุณอาจเกิดความลังเลสงสัยว่ารถยนต์ Hybrid นั้นยังเป็นตัวเลือกที่ดีอยู่หรือไม่ หากคุณกำลังอยากเปลี่ยนรถยนต์เพื่อประหยัดค่าน้ำมัน หรืออยากจะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม บทความนี้เราจะพาคุณไปหาคำตอบกัน!

รถยนต์ Hybrid ปัญหาเยอะ จนต้องเข้าอู่ซ่อมรถไฮบริดบ่อยครั้งจริงหรือ?

แม้ว่าก่อนหน้านี้อาจมีหลายครั้งที่คุณเห็นคอมเมนต์หรือรีวิวของรถยนต์ Hybrid ออกมาไม่ค่อยดี เช่น ไม่ทน ไม่คุ้ม ไม่ควรซื้อ สารพัดปัญหาจุกจิกแก้ไม่จบ แบตเตอรี่ก็เสื่อมเร็ว อีกทั้งถ้าต้องเอารถเข้า อู่ซ่อมรถไฮบริด ก็ต้องเจอกับค่าซ่อมที่แพงแน่นอน! 

ความจริงแล้วนั้น รถยนต์ Hybrid จะดีหรือไม่ดีแค่ไหนขึ้นอยู่กับบริษัทผู้ผลิตด้วย เพราะถ้าเป็น Toyota นั้นแม้ช่วงแรก ๆ จะมีปัญหาอยู่บ้าง แต่ก็มีการปรับปรุงแก้ไขและพัฒนาให้รถไฮบริดของโตโยต้ามีประสิทธิภาพในการใช้งานให้ดีมากขึ้นเรื่อย ๆ อีกทั้งก็ยังมีการรับประกันเรื่องแบตเตอรี่ให้ยาวนานมากขึ้น ทำให้ความกังวลเหล่านั้นแทบหมดไปแล้วเรียบร้อย

 


ข้อดีของรถยนต์ Hybrid ที่ อู่ซ่อมรถไฮบริด อยากบอกต่อ!

อย่างที่ทราบกันดีกว่า การพัฒนารถยนต์ Hybrid เกิดมาจากความต้องการที่จะลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงจากเครื่องยนต์สันดาปที่มีผลกระทบที่มีต่อสิ่งแวดล้อมให้น้อยลง โดยการผลิตรถยนต์ที่มีทั้งเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันและระบบมอเตอร์ไฟฟ้ามาขับเคลื่อนผสมผสานกัน

นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาระบบ Hybrid ให้มีประสิทธิภาพและสามารถตอบโจทย์การใช้งานได้มากขึ้น ลดปัญหาที่อาจเกิดจนต้องนำรถเข้าอู่ซ่อมรถไฮบริด เช่น ระบบ Plug-in Hybrid (PHEV) ที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่จากปลั๊กไฟฟ้า และรถยนต์ Hybrid ที่มีระบบการควบคุมแบบ Mild Hybrid ซึ่งไม่จำเป็นต้องชาร์จแบตเตอรี่แต่มีมอเตอร์ไฟฟ้าช่วยเสริมที่เครื่องยนต์ เป็นต้น 

สำหรับรูปแบบของรถยนต์ไฮบริดที่นิยมใช้กันในปัจจุบันนี้ ได้แก่ Power Split และซีรีส์ พาราลเรล (Series Parallel Hybrid) ซึ่งเป็นระบบที่ต้องใช้ความเร็วรอบสูง ๆ โดยจะใช้ระบบเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมัน ส่วนในช่วงที่เราใช้ความเร็วรอบต่ำ ๆ อย่างวิ่งในเมือง ช่วงรถติดรถก็จะปรับให้ใช้ระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเพื่อช่วยคุณสามารถประหยัดการใช้น้ำมันได้มากกว่ารถยนต์ปกติ 

นอกจากรูปแบบของรถยนต์ชนิดนี้ จะมีข้อดีที่ตอบโจทย์ในเรื่องการประหยัดค่าน้ำมัน และช่วยลดมลภาวะของสิ่งแวดล้อมแล้ว รถยนต์ Hybrid ก็ยังมีข้อดีอื่น ๆ ที่ อู่ซ่อมรถไฮบริด อยากแชร์ให้คุณได้ทราบในมิติต่าง ๆ นอกเหนือจากเรื่องประหยัดน้ำมันและค่าใช้จ่าย หรือช่วยลดผลกระทบของสิ่งแวดล้อม ดังนี้

  • ความสะดวกในการใช้งาน : เพราะรถยนต์ Hybrid ไม่ต้องชาร์จไฟฟ้า แม้จะมีมอเตอร์ไฟฟ้า เพราะสามารถใช้พลังงานจากการทำงานร่วมกับเครื่องยนต์เป็นบางช่วง ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องการชาร์จไฟฟ้าเหมือนรถ EV ที่ใช้พลังงานขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าแบบ 100% คุณจึงไม่ต้องกังวลเรื่องการวางแผนหาจุดชาร์จรถระหว่างการเดินทางไกล ที่อาจจะมีไม่ครอบคลุมทุกพื้นในประเทศไทยอีกด้วย ฉะนั้น การใช้รถยนต์แบบไฮบริดจึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่าและสามารถตอบโจทย์ปัญหาเรื่องจุดชาร์จที่ไม่เพียงพอในปัจจุบันนี้ได้

  • สมรรถนะของเครื่องยนต์ที่ดีกว่า : จากประสบการณ์ของเราในฐานะอู่ซ่อมรถไฮบริด บอกได้เลยว่าเครื่องยนต์ของรถยนต์ Hybrid นั้นมีการตอบสนองได้ทันใจมากกว่าเครื่องยนต์แบบเดิม ไม่ว่าจะเป็นเวลาขับขี่ การออกตัวหรือการเร่งแซง นอกจากนี้รถยนต์ไฮบริดยังสามารถขับขี่ได้ในระยะทางที่ไกลกว่ารถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งขับได้ประมาณ 400 กิโลเมตรต่อการชาร์จจนเต็ม ในขณะที่รถยนต์ไฮบริดสามารถขับได้มากกว่า 1,000 กิโลเมตรต่อการเติมน้ำมันเต็มถังประมาณ 40 ลิตร

  • สามารถกำจัดทำลายแบตเตอรี่ได้ง่ายกว่าแบตเตอรี่ทั่วไป : แบตเตอรี่ที่ขนาดใหญ่ของรถยนต์ปกติ จะทำลายได้ยากและต้องสิ้นเปลืองพลังงานในการทำลายมากกว่า ส่วนรถยนต์ไฮบริดที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก อยู่ที่ประมาณ 1-2 กิโลวัตต์เท่านั้น จึงไม่ต้องใช้พลังงานหรือกระบวนการในการทำลายทิ้งแบบแบตเตอรี่รถยนต์โดยทั่วไป

  • หากมอเตอร์มีปัญหาหรือแบตเตอรี่เสื่อม รถก็ยังสามารถใช้งานได้ : เพราะรถยนต์ Hybrid เป็นการทำงานร่วมกันทั้งสองระบบคือไฟฟ้าและน้ำมัน เมื่อเกิดมอเตอร์ไฟฟ้ามีปัญหาหรือแบตเตอรี่ รถยนต์ก็ยังสามารถขับเคลื่อนได้ด้วยการใช้น้ำมันตามปกติ โดยที่ไม่ต้องรีบเข้าอู่ซ่อมรถไฮบริดโดยทันที ในขณะที่รถยนต์ไฟฟ้าหากมอเตอร์หรือแบตเตอรี่มีปัญหาจะไม่สามารถขับขี่ต่อไปได้เลย

  • เสียภาษีสรรพสามิตถูกกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซิน : ตามบัญชีท้ายประกาศกระทรวงการคลัง เรื่องลดอัตราและยกเว้นภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ 27) ให้รถยนต์นั่งแบบไฮบริดที่มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,000 ลบ.ซม. ได้รับการลดอัตราภาษีสรรพสามิตลงกึ่งหนึ่งของอัตราภาษีที่ได้รับการลดอัตราภาษีสรรพสามิต และถึงแม้รถยนต์ไฮบริดจะมีค่าใช้จ่ายเรื่องแบตเตอรี่ที่อาจจะต้องนำเข้าอู่ซ่อมรถไฮบริดอยู่บ่อยครั้ง แต่เมื่อเทียบกับอัตราค่าภาษีที่จ่ายแล้วก็ยังถือว่าคุ้มค่ามากกว่า

  • รถยนต์ Hybrid มีหลายรุ่นให้เลือกใช้และสามารถหาอู่ซ่อมได้ง่ายมากกว่ารถยนต์ไฟฟ้า : ในปัจจุบันรถยนต์ไฮบริดหลายแบรนด์และหลายยี่ห้อให้คุณเลือกใช้ ทั้งรถขนาดเล็ก รถคอมแพกต์คาร์ Toyota Corolla hybrid, รถซีดานขนาดกลางอย่าง Toyota Camry Hybrid นอกจากนี้ยังมีรถอเนกประสงค์ เช่น Toyota Corolla  Cross, Toyota C-HR และยังมีราคาหลายระดับให้เลือกมากกว่ารถยนต์ไฟฟ้าด้วย

ข้อเสียของรถยนต์ Hybrid

เมื่อเราได้ทราบถึงข้อดีของรถยนต์ไฮบริดกันไปแล้ว คราวนี้มาดูข้อเสียกันบ้าง นอกเหนือจากเรื่องปัญหาของแบตเตอรี่ที่เสื่อมสภาพไวแล้วก็ยังมีส่วนอื่นเพิ่มเติม อาทิ

  • อู่ซ่อมรถไฮบริด ที่มีความชำนาญการค่อนข้างหาได้ยาก : เพราะรถยนต์ไฮบริดมีการทำงานของระบบที่มีความซับซ้อนมาก เมื่อเทียบกับรถยนต์ที่ใช้น้ำมันทั่วไป จึงทำให้การซ่อมบำรุงและการดูแลรักษาเป็นไปได้ยาก ส่งผลให้มีราคาอะไหล่และค่าแรงงานค่อนข้างสูงกว่าปกติ และหากเลือกอู่ซ่อมที่ไม่มีความชำนาญการเฉพาะทาง อาจทำให้มีปัญหาการใช้งานอย่างต่อเนื่องจนคุณรำคาญใจ
  • เสียค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาค่อนข้างสูง : หากคุณมีการใช้งานที่ค่อนข้างหนักและใช้ขับขี่ในระยะที่ไกลมากบ่อย ๆ ก็อาจจะต้องเข้าเช็กสภาพเครื่องยนต์และแบตเตอรี่ที่อู่ซ่อมรถไฮบริดเป็นประจำ แน่นอนว่าย่อมต้องมีค่าใช้จ่ายตามมาที่สูงกว่าปกตินั่นเอง แต่ถ้าคุณไม่ได้มีพฤติกรรมการใช้รถยนต์ที่หนักมากเกินไป รถยนต์ Hybrid ก็มีอายุการใช้งานปกติอยู่ที่ 7- 10 ปีเลยทีเดียว

  • ต้องศึกษาและเรียนรู้การทำงานและการขับขี่อย่างถูกต้อง เพื่อยืดอายุการใช้งานของรถยนต์ไฮบริด : เพราะการทำงานของรถยนต์ไฮบริด สามารถขับเคลื่อนโดยใช้พลังงานจากสองส่วนคือน้ำมันและไฟฟ้า โดยระบบไฮบริดมี 2 ประเภท ได้แก่ ระบบ Full Hybrid มีกำลังขับทางไฟฟ้าได้ถึง 100% และระบบ Mild Hybrid สามารถส่งกำลังแบบไฮบริดที่มีสัดส่วนกำลังขับโดยเครื่องยนต์ ไม่เกิน 40%

ดังนั้นระบบเครื่องยนต์ไฮบริดจึงค่อนข้างมีความซับซ้อน มากกว่าระบบรถยนต์ที่ใช้น้ำมันตามปกติ เช่น การยกคันเร่ง การเบรก หรือใช้ความเร็วต่ำเพื่อปรับเป็นระบบไฟฟ้า โดยดึงพลังงานจากแบตเตอรี่มาใช้ในการขับเคลื่อนแทน ยกตัวอย่างเช่น ช่วงที่รถออกตัวหรือขับด้วยความเร็วคงที่ ระบบรถยนต์ไฮบริดจะช่วยให้ประหยัดน้ำมันมากกว่ารถชนิดอื่น ดังนั้นเพื่อให้สามารถใช้งานระบบไฮบริดให้ได้เต็มประสิทธิภาพ คุณจึงควรศึกษาวิธีการใช้งานรถไว้ด้วย

สรุปแล้วการเลือกรถยนต์ Hybrid ยังคุ้มค่าและน่าสนใจอยู่ไหม?

จากข้อเสียต่าง ๆ ที่เราได้กล่าวมา ทั้งเรื่องของความทนทานที่น้อย ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาที่ค่อนข้างแพง ไปจนถึงการหาอู่ซ่อมรถไฮบริดที่ชำนาญได้ยาก ทำให้การเลือกใช้รถยนต์ไฮบริดยังคงเป็นความลังเลใจของใครหลายคน 

แต่ปัจจุบันได้มีการพัฒนางานวิจัยที่เพิ่มประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ ให้มีระบบระบายความร้อนได้ดียิ่งขึ้น ช่วยการันตีได้ว่าแบตเตอรี่รถยนต์ไฮบริดสามารถใช้งานได้นานสูงสุดถึง 400,000 กม. โดยไม่เสื่อมประสิทธิภาพ ทำให้ค่าซ่อมบำรุงถูกลง อีกทั้งยังมีการรับประกันแบตเตอรี่ที่ยาวนานมากขึ้นอีกด้วย 

หากคุณกำลังมองหา อู่ซ่อมรถไฮบริด ที่ชำนาญและมีประสบการณ์ในการซ่อมรถยนต์ไฮบริด ที่ HYBRID CAR [THAILAND] CO.,LTD. เราเป็นผู้นำด้านการซ่อมรถยนต์ไฮบริดมาอย่างยาวนานด้วยทีมผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์กว่า 20 ปี และเป็นศูนย์ซ่อมรถไฮบริดคาร์แบบครบวงจร โดยเฉพาะโตโยต้า HybridCar พร้อมอะไหล่โตโยต้าแท้และมีมาตรฐานด้านความปลอดภัย พร้อมบริการหลังการซ่อมที่คำนึงถึงลูกค้ามีประสบการณ์และรู้จักยี่ห้อรถยนต์เป็นอย่างดี

หากสนใจสามารถแอดไลน์มาสอบถามราคาหรือประเมินค่าอะไหล่ก่อนได้ที่

อู่ซ่อมรถ toyota

เปิดบริการ 09:00-18:00 น. ทุกวันจันทร์ – วันเสาร์ Line : @hybridcar  โทร : 02-098-2465
Facebook :  HybridCar.co.th

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *